วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557

พีระมิดในจีน..เขตพื้นที่ต้องห้ามรัฐบาลจีน ปริศนาโลกโบราณ 4,500 ปี ที่ยังไม่เปิดเผย



เมื่อเอ่ยถึงคำว่า "พีระมิด" คนจำนวนมากต่างจะต้องนึกถึงภาพของมหาพีระมิดในประเทศอียิปต์ในยุคอารยธรรม โบราณประมาณ 3150 ปีก่อนคริสตกาล และมีหลายต่อหลายคนนึกถึงหมู่พีระมิดของอาณาจักรมายาโบราณที่มีอายุ 500 ปีก่อนคริสตกาลในประเทศแม็กซิโก และแน่นอนว่ามีอีกหลายท่านยังไม่ทราบว่ามีพีระมิดในทวีปเอเชียนั่นก็คือ "พีระมิดในประเทศจีน" ที่คาดว่ามีอายุเก่าแก่ประมาณ 2,400 ปีก่อนคริสตกาล เอาละซิทีนี้...เรื่องนี้มันเป็นมายังไงกันแน่..?? หลายคนคงจะสงสัย


ภาพถ่ายทางอากาศของหมู่พีระมิดในเขตต้องห้ามของรัฐบาลจีน มณฑลซานซี


พีระมิด ในพื้นที่ต้องห้ามของรัฐบาลจีน ณ มณฑลซานซี

     ในช่วงที่ "Hartwig Hausdorf" นักสำรวจชาวเยอรมัน ซึ่งไปท่องเที่ยวในจีนแผ่นดินใหญ่ในช่วงปี 1994 ด้วยความบังเอิญหรือจงใจก็ไม่ทราบ เขาได้แอบเดินท่อมๆเข้าไปสำรวจในบริเวณพื้นที่ต้องห้ามของรัฐบาลจีนในมณฑล ซานซี และ Hausdorf ได้ถ่ายภาพของหมู่ซากโบราณสถานขนาดใหญ่บางอย่างออกมา ในภาพเป็นเป็นลักษณะเนินดินขนาดใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมที่สามารถมองเห็นถึงรูปทรง เหลี่ยมที่มีมุมฉาก 4 ด้านอย่างชัดเจน และภาพถ่ายของกลุ่มโบราณสถานพวกนี้ทำเอา Hausdorf ถึงกับตะลึงงัน..ช่ายยยครับ ใครล่ะจะเชื่อว่าในจีนแผ่นดินใหญ่จะมี "พีระมิด" อยู่เป็นจำนวนมากมายตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางที่ราบเกษตรกรรมแบบนี้


หมู่พีระมิดดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตต้องห้ามที่รัฐบาลจีนได้ทำการจัดสรรเพื่อพื้นที่ทางการเกษตรแก่ชาวบ้าน

พีระมิดแห่งนี้ มีความสัมพันธ์อื่นใดกับปิระมิดในพื้นที่อื่นหรือเปล่า...?
     Hausdorf ได้เขียนในหนังสือของเขา ซึ่งพิมพ์ออกมาจำหน่ายในภายหลังว่า พีระมิดมากมายเหล่านี้ มีอายุมากกว่า 4500 ปีขึ้นไปอย่างไม่ต้องสงสัย พีระมิดส่วนใหญ่ถูกทำขึ้นมาจากดินเหนียวซึ่งแข็งโป๊กอย่างกับหิน มีอยู่ส่วนหนึ่งซึ่งเสียหายไป คาดว่าเกิดการการกัดเซาะหรือพังทลายตามธรรมชาติ และก็มีอีกส่วนหนึ่งเหมือนกันที่เสียหายไปเพราะน้ำมือของมนุษย์ แหม.. ก็มันดันไปตั้งอยู่ในพื้นที่กสิกรรมนี่ครับ เกะกะกีดขวางแบบนี้เค้าจะเอาไว้ทำไม



     พีระมิดบางหลังมีขนาดใหญ่พอๆกับพีระมิดในเมืองติโอติฮัวกันของชาวอินคา พีระมิดแทบทุกหลังมีการต่อเติมวิหารเล็กๆเอาไว้บนยอดด้วยครับ ทำให้นักโบราณคดีอดฉงนฉงายไม่ได้ว่า ใครหนอ ที่มาสร้างปิระมิดเหล่านี้เอาไว้ และมันมีความสัมพันธ์อื่นใดกับพีระมิดในพื้นที่อื่นหรือเปล่า ถ้าพีระมิดเหล่านี้ตั้งอยู่ในโลกเสรีก็ดีนะครับอย่างน้อยก็พอไปเยี่ยมชม ศึกษาได้ แต่นี่พี่แกดันมาตั้งอยู่หลังม่านไม้ไผ่อย่างจีน ทุกสิ่งทุกอย่างก็เลยเงียบฉี่ปล่อยให้เป็นเรื่องที่สนใจไปทั่วโลก และหลังจากที่นักโบราณคดีทั่วโลกในช่วง ค.ศ. 2000 สนใจที่จะขอเข้าศึกษาโครงสร้างดังกล่าว ก็ได้รับการปฏิเสธจากทางรัฐบาลจีน...และก็ได้รับข่้อมูลแจ้งมาว่าทีมสำรวจ ทางโบราณคดีของจีนได้เข้าไปทำการสำรวจมาก่อนหน้านานแล้ว ซึ่งตรงจุดนี้ในปัจจุบันรัฐบาลจีนโดยสำนักงานโบราณคดีแห่งชาติได้ออกมา แถลงการออกมาต่อสาธารณะว่า "ถ้าหากยังไม่สามารถมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย หรือ เทคโนโลยีที่มั่นใจว่าจะสามารถรักษาทรัพยสมบัติ,ภาพเขียน รวมถึงโบราณวัตถุภายในได้ ก็จะยังไม่สามารถเปิดให้พีระมิดเพื่อพิสูจน์โครงสร้างภายใน"






ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงที่ตั้งของหมู่พีระมิด มณฑลซานซี ของจีน




ภาพส่วนหนึ่งจาก VDO รายการสำรวจโลกที่ถ่ายจากเครื่องบินเพื่อสำรวจหมู่พีระมิด




ลักษณะโครงสร้างของพีระมิดที่ผังภายใต้ชั้นดิน




การคำนวนโครงสร้างและผังรูปแบบการจัดวางทางสถาปัตยกรรมที่มีลักษณะคล้ายคลึงที่ประเทศอียิปต์


ภาพถ่ายดาวเทียมพีระมิดประธานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจีน


ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงลักษณะของพีระมิดแบบขั้นบันได


ภาพถ่ายดาวเทียมในนิตยสาร The New York Sunday News ฉบับวันที่ 30 มีนาคม ปี 1947


ภาพถ่ายที่ลงตีพิมพ์ในนิตยสาร The New York Sunday News ฉบับวันที่ 30 มีนาคม ปี 1947



ในปัจจุบันทางการจีนได้เริ่มเข้าไปสำรวจอีกครั้งนับตั้งแต่ปี 2000 ที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลทางด้านโบราณคดี, วิทยาศาสตร์ แต่อย่างใด หลายๆคนคงตั้งคำถาว่า...ตกลง พีระมิดที่บางคนว่าคือ  "ฮวงซุย" บ้างก็ว่า "เป็นอารยธรรมต่างดาว" และหลายๆคำตอบ...ตอนนี้ก็ยังคงถูกพับเก็บเป้นความลับของรัฐบาลจีนต่อไปครับ
พีระมิดของอียิปต์ : 3,150 ปีก่อนคริสตกาล
พีระมิดของจีน : 2,400 ปีก่อนคริสตกาล
พีระมิดของแม็กซิโก ( มายา ) : 500 ปีก่อนคริสตกาล

งั้นแปลว่าพีระมิดของจีนมีอายุเก่าแก่กว่าของอาณาจักรมายา 1,900 ปีก่อนคริสตกาล และหลังอียิปต์แค่ 750 ปี !!!


มหาพีระมิด ประเทศอียิปต์ ทวีปแอฟริกา


หมู่พีระมิด มณฑลซานซี ประเทศจีน ทวีปเอเชีย


พีระมิดของอาณาจักรมายา ประเทศแม็กซิโก ทวีปอเมริกาเหนือ 
รัฐบาลจีนโดยสำนักงานโบราณคดีแห่งชาติได้ออกมาแถลงการออกมาต่อสาธารณะว่า

"ถ้าหากยังไม่สามารถมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย หรือ เทคโนโลยีที่มั่นใจว่าจะสามารถรักษาทรัพยสมบัติ,ภาพเขียน รวมถึงโบราณวัตถุภายในได้ ก็จะยังไม่สามารถให้เปิดพีระมิดเพื่อพิสูจน์โครงสร้างภายในได้"

สัญลักษณ์ทางคตินิยมของโครงสร้างเพื่อโลกหน้า ( โลกหลังความตาย ) มีรูปแบบที่คล้ายคลึงกันทั่วโลกเลยนะครับ เป็นแนวความคิดที่นำไปสู่การพัฒนาการณ์ทางระบบสถาปนิก, วิศวกรรม, การออกแบบ, จนผสมผสานเป็นศิลปกรรม ดูได้จากลักษณะการยกฐานสูง ปลายยอดแหลม โครงสร้างภายในเพื่อเก็บศพ สิ่งของมีค่า เพื่อหวังจะเอาไปใช้ในโลกหน้า...มันคล้ายคลึงกันตั้งแต่ 6,000-10,000 กว่าปีที่แล้ว...มีฉากหนึ่งของหนัง 10,000 BC จะเห็นได้ว่าในภาพยนต์มีพีระมิดแบบขั้นบันไดอยู่ งั้นก็แปลว่า...อาจจะมีรากฐานทางอารยธรรมยาวนานเกินกว่า 10,000 ปี

นี่ยังไม่นับรวมอาณาจักรโบราณมีการสร้างพีระมิดที่จมอยู่ใต้ท้องทะเลที่ยัง ไม่ค้นพบเป็นจำนวนมาก ที่คาดว่าอาจจะเก่าแก่กว่าอียิปต์ซะอีก

มันคือหลุมฝังพระศพของเจ้าแคว้นรัฐฉิน และจักรพรรดิสมัยซีฮั่น ไม่ได้ลี้ลับอะไร และมีอายุไม่เก่าแก่เท่าไหร่ แค่ราวๆ 350-100 ปีก่อนคริสตกาลหน่ะครับ มีการระบุค่อนข้างแน่ชัดเลยว่า หลุมในเป็นของใครโดยอ้างอิงจากตำแหน่งทางประวัติศาสตร์ที่บันทึกต่อๆกันมา

ในภาพคือหมู่สุสานเยี่ยนหลิง เนินใหญ่สุดในภาพ เป็นของจักรพรรดิฮั่นจิ่งตี้ ครับ รอบๆเป็นของฮองเฮาป๋อ และฮองเฮาโจว (อันขนาดรองลงมา) ครับ (ฮองเฮาโจวเป็นพระมารดา่ของจักรพรรดิหวู่ตี้) นอกนั้นเป็นของพระสนมและองค์ชายอื่นๆ

จักรพรรดิจีนสมัยซีฮั่นสร้างหลุมฝังพระศพขนาดใหญ่แบบนี้เป็นเรื่องปกติ โดยเอาไว้ทางตะวันตกของเมืองฉางอันครับ สร้างให้่เป็นเนินดินรูปสี่เหลี่ยม ครอบหลุมศพด้านล่างอีกทีหนึ่ง เดิมทีมันเคยมีพวกรูปปั้นทหารหรือสัตว์เรียงรายสองข้างทาง แต่เสียหายจากสงครามในสมัยซีจิ้นและราชวงศ์ฝ่ายเหนือไปจนหมด

นอกจากเยี่ยนหลิงแล้ว ยังมีหมู่สุสานอื่นๆ ของจักรพรรดิฮั่นเหวินตี้, ฮั่นหวู่ตี้ (ใหญ่ที่สุดในบรรดาสุดสานสมัยซีฮั่น) และ ฮั่นจาวตี้ อีกครับ 

มันเคยมีข่าวว่า ที่มีการขุดพบสุสานนี้ครั้งแรกอ่ะ คนค้นพบค้นแรกนี้เป็นชาวนาธรรมดาๆคนนึงได้ไปพบ ปากทางเข้าสุสาน แต่ก็แจ้งไปยังทางการจีนแหละ ว่ามีอะไรซักอย่าง อยู่ในพื้นที่ของเขา  ตอนนั้นมีข่าวออกมาว่า มีการขุดพบ ซากพุทธรูป สีชมพู อายุเก่าแก่มากกกก ทางการจีนเลยทำการขุดขึ้นมา แต่มันมีเรื่องที่เหลือเชื่อก็คือ พอขุดออกจากถ้ำนั้นน่ะ  พุทธรูปก็เสียทรง เสียรูปไปเลย (ประมาณว่าพอโดน อากาศข้างนอกก็กลายเป็นผงไปเลย)

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทางการจีนเลยไม่กล้าขุดต่อ แล้วก็สั่งห้ามพื่นที่นั้น ไม่ให้ใครเข้าไปยุ่ง แต่ก็มีนักสำรวจต่างพากันคิด  หรือก็หาทางกันจะเข้าไป แต่ก็โดนค้านตลอด กลัวว่า วัตถุเก่าๆจะเสียไปอีก (เขาเชื่อว่าในนั้น มีหลุมพระศพ ของ จิ๋นซีอยู่ มีการป้องกันแน่นหนา มีกลไกล เยอะแยะป้องกันไม่ให้ใครไป ขโมย พระราชสมบัติ) <<< ประมาณหนัง the mummy ภาค 3 อ่ะครับ (แต่ในตำราประวัติศาสตร์จีนบอกว่า ศพพระองค์จะไม่เน่าเปื่อย เพราะมีธาตุอะไรซักอย่าง ทำให้พระศพอยู่ได้โดย ไม่มีการเน่่าใดๆทั้งสิ้น)

สุสานของจิ๋นซีอยู่ที่หลินถง ทางตะวันออกของเมืองเสียนหยางเดิมครับ
ส่วนสุสานของจักรพรรดิสมัยซีฮั่น จะอยู่ทางตะวันตกของเสียนหยาง อีกฟากของแม่น้ำเหวยสุึ่ย

สุสานพวกนี้ไม่ได้เก่าแก่ขนาดถึง 4,500 ปีครับ มีอายุราวๆ 2100 ปีเท่านั้น 



อย่างในภาพคือสุสานเหมาหลิง ของจักรพรรดิฮั่นหวู่ตี้ ครับ มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาสุสานสมัยซีฮั่น เพราะพระองค์ครองราชย์ยาวนานมาก และเป็นยุคที่ราชสำนักฮั่นมีเงินเต็มท้องพระคลัง (จากยุคสมัยรุ่งเรืองของปู่และบิดาของพระองค์อย่าง จักรพรรดิเหวินตี้ และ จิ่งตี้)



ใกล้ๆกันเป็นสุสานหลวงของซ่านกวนไท่หวงไทเฮา ซึ่งเป็นฮองเฮาของจักรพรรดิจาวตี้ครับ
เนื่องจากจักรพรรดิจาวตี้สวรรคตตั้งแต่ยังหนุ่ม ซ่านกวนฮองเฮา เลยได้ยกระดับขึ้นเป็นไทเฮา (ตอนที่โอรสบุญธรรมของจักรพรรดิจาวตี้ คือ ฉางอี้อ๋อง ขึ้นนั่งบัลลังก์ชั่วคราวในปี 74 ก่อนคริสตกาล) และพอฉางอี้อ๋องโดนถอดจากราชสมบัติในปีนั้น หลิวปิงอวี้ ก็ขึ้นเป็นจักรพรรดิฮั่นเสวียนตี้แทนในปีเดียวกัน พระองค์เลยได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นไท่หวงไทเฮา (สมเด็จย่า) ในปีนั้นเอง

ตอนพระองค์ขึ้นเป็นไท่หวงไทเฮา หรือสมเด็จย่าของจักรพรรดิฮั่นเสวียนตี้ นั้น ซ่านกวนไท่หวงไทเฮา มีพระชนม์แค่ 15 ชันษาเองหน่ะครับ
ส่วนหลานของพระองค์อย่างจักรพรรดิฮั่นเสวียนตี้ มีพระชนม์มายุได้ 17 ชันษา ครับ

ซ่านกวนไท่หวงไทเฮา สวรรคตในปี 37 ก่อนคริสตกาล ในรัชกาลของจักรพรรดิฮั่นหยวนตี้ ที่เป็นเหลนของพระองค์ 

ดูๆไปอาจจะแปลกที่ ทำไมสมเด็จย่า มีอายุน้อยกว่าหลานชายได้

คือ หลิวปิงอวี้ หรือ จักรพรรดิฮั่นเสวียนตี้นั้นเป็นเหลนของจักรพรรดิหวู่ตี้ครับ ปู่ของพระองค์คือ หลี่ไท่จื่อ (หลิวจวู้) เป็นพระโอรสองค์โตของจักรพรรดิหวู่ตี้ที่ประสูติจาก เว่ยฮองเฮา ครับ
หลิวจวู้ เป็นรัชทายาทตั้งแต่พระชนม์ได้ 2 ชันษา และเป็นรัชทายาทมายาวนานเกือบ 30 ปี จนพระองค์ก่อกบฏคิดจะล้มจักรพรรดิหวู่ตี้ แต่ดันล้มเหลว ครอบครัวของพระองค์เลยโดนประหาร พร้อมกับโอรสทั้งหมดในสายของหลิวจวู้ด้วยหน่ะครับ เหลือแค่หลิวปิงอวี้ ที่เป็นลูกชายของ หลิวจิ้น โอรสของหลิวจวู้เท่านั้น ที่ตอนนั้นยังเป็นทารกพึ่งเกิด ทางการเลยไว้ชีวิตพระองค์ แต่ปลดยศลงเป็นสามัญชน

หลิวปิงอวี้ก็ใช้ชีวิตอย่างยากจนตั้งแต่เกิด เพราะพ่อแม่โดนประหารไปหมด ตนอาศัยกับญาติห่างๆเลี้ยงดูแบบตามมีตามเกิดไปเรื่อยๆ และเติบโตมาอย่างยากจน โดยมีราชสำนักคอยจับตาดูห่างๆเพื่อควบคุมความประพฤติ

ตอนหลัง หลิวปิงอวี้ได้แต่งงานกับ สวีผิงจุน ซึ่งเป็นลูกสาวของ สวีก่วงฮั่น ขุนนางใหญ่คนหนึ่งในราชสำนัก ความเป็นอยู่ของหลิวปิงอวี้เลยดีขึ้นครับ และพอจักรพรรดิจาวตี้สวรรคตในปีที่ 74 ก่อนคริสตกาล ฉางอวี้อ๋อง ก็ขึ้นเป็นจักรพรรดิรักษาการแทนชั่วครา

ทีนี้ ฉางอวี้อ๋อง กับ ฮั่วกว่าง อัครมหาเสนาบดีนั้นไม่ค่อยกินเส้นกันครับ ฮั่วกว่างเห็นว่า ฉางอวี้อ๋อง โง่งมและดื้อดึง ไม่เหมาะจะเป็นจักรพรรดิ เขาเลยรวมหัวกับเหล่าขุนนางร่วมกันถอดฉางอวี่อ๋อง จากราชสมบัติ และไปเชิญเอา หลิวปิงอวี้ มาเป็นจักรพรรดิแทนครับ (เพราะลูกหลานในสายของจักรพรรดิหวู่ตี้ไม่มีเหลือแล้ว)

หลิวปิงอวี้เลยขึ้นเป็นจักรพรรดิฮั่วเสวียนตี้ในปีนั้นเอง และเนื่องจากพระองค์เป็นสามัญชนมาก่อน พระองค์จึงเน้นความประหยัดครับ ในรัชกาลของพระองค์จึงไม่ได้สร้างสุสานหลวงขนาดใหญ่เหมือนรัชกาลก่อน
สุสานหลวงตู้หลิงของจักรพรรดิเสวียนตี้ จะมีขนาดเล็กมากหน่ะครับ



เนินดินที่เก่าแก่ที่สุด น่าจะเป็นสุสานหลวงของ จักรพรรดิโจวหลิงอ๋อง แห่งราชวงศ์ตงโจว ครับ ปัจจุบันอยู่ที่เมืองลั่วหยางครับ
สุสานของจักรพรรดิโจวยุคหลังจากนี้จะไม่มีแล้ว เพราะอำนาจราชสำนักโจวเสื่อมโทรมลงมาก จักรพรรดิไม่มีไพร่พลและเงินทองจะสร้างสุสานหลวงขนาดใหญ่อีกต่อไปหน่ะครับ 




 
สุสานเยี่ยนหลิง ของจักรพรรดิฮั่นเฉิงตี้ครับ
จักรพรรดิเฉิงตี้ เป็นโอรสของจักรพรรดิฮั่นหยวนตี้ครับ ครองราชย์ในช่วง 33-7 ปีก่อน คริสตกาล

ตลอดรัชสมัย พระองค์ไร้แก่นสารและอำนาจปกครองครับ คนที่นั่งเมืองจริงๆคือเหล่าราชินิกูลสกุลหวางทั้งสิ้น และสกุลหวางก็จะปกครองราชวงศ์ซีฮั่นต่อไปอีกหลายสิบปีจนเปลี่ยนราชวงศ์ครับ

สุสานของพระองค์มีขนาดไม่ใหญ่นัก เพราะราชสำนักซีฮั่นไม่มีฐานทางการคลังแน่นหนาอีกต่อไปแล้ว



อันต่อมาคือสุสานหลวงของ จ้าวหวู่หลิงอ๋อง กษัตริย์รัฐจ้าวที่ถือว่าทรงเป็นนักปฏิรูปครับ ตั้งอยู่ที่เมืองต้าถง ในมณฑลซานซี

พระองค์ทำการปฏิรูปกองทหารรัฐจ้าวจนมีกองทัพม้าอันแข็งแกร่ง ทำให้รัฐจ้าวสามารถผงาดขึ้นมาเทียบรัศมีรัฐฉินและฉีได้ แต่ในช่วงปลายรัชกาล พระองค์กลับสละราชสมบัติตั้งแต่ยังแข็งแรง แล้วให้โอรสขึ้นนั่งบัลลังก์แทน จนนำมาซึ่งการเกิดกบฏและความเละเทะในราชสำนักจ้าว 



สุสานหลวงอันถัดมาคือ สุสานหลวงคังหลิง ครับ เป็นของจักรพรรดิฮั่นผิงตี้ ยุวจักรพรรดิช่วงปลายราชวงศ์ซีฮั่น

จักรพรรดิผิงตี้มีพระนามเดิมว่า หลิวจีจื่อ เป็นโอรสของ หลิวซิ่ง มีศักดิ์เป็นพระนัดดาในจักรพรรดิหยวนตี้หน่ะครับ ภายหลังจากจักรพรรดิฮั่นอายตี้สวรรคตอย่างมีเลศนัย ไท่หวงไทเฮาหวาง ก็แต่งตั้งให้หลิวจีจื่อ ที่มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับ จักรพรรดิอายตี้ ขึ้นเป็นจักรพรรดิแทนในปีที่ 1 ก่อนคริสตกาลครับ
พระองค์เป็นจักรพรรดิหุ่นภายในอำนาจของสกุลหวาง ที่มีหวางหมั่งเป็นแกนนำอยู่  เนื่องจากพระองค์ไม่ค่อยยอมทำตามที่หวา งหมั่งสั่ง และหวางหมั่งก็เกรงว่า จักรพรรดิผิงตี้ที่เจริญชันษาขึ้นเรื่อยๆ อาจจะกำจัดเขาได้สักวัน หวางหมั่งเลยชิงลงมือก่อน วางยาพิษจักรพรรดิผิงตี้จนสวรรคตในปี ค.ศ. 5 ครับผม

จักรพรรดิผิงตี้ สวรรคตตอนพระชนม์แค่ 13 ชันษาเท่านั้น สุสานหลวงของพระองค์เลยมีขนาดไม่ใหญ่นัก



สุสานหลวงเว่ยหลิง สุสานหลวงของจักรพรรดิฮั่นหยวนตี้ครับ

พระองค์เป็นโอรสของจักรพรรดิฮั่นเสวียนตี้ ในยุคของพระองค์นั้นราชวงศ์ซีฮั่นเริ่มตกต่ำลง การคอรับชั่นกระจายไปทั่วราชสำนัก แถมพระองค์ก็ไปช่วงใช้สกุลหวาง ที่เป็นสกุลของฮองเฮา หวางเจิ้นจุน

แต่พระองค์ก็มีข้อดีคือ การส่งกองทัพไปโจมตีพวกซงหนูจนราบคาบครับ ราชสำนักซีฮั่นได้ยึดเอเชียกลางกลับมาในครอบครองอีกครั้งก็ในสมัยของพระองค์ นี้แล ทว่าก็ทำให้การคลังของซีฮั่นยวบแยบลงเช่นกัน 



สุสานหลวงอวี้หลิง ของจักรพรรดิฮั่นอายตี้ ครับ พระองค์เป็นยุวจักรพรรดิอีกพระองค์หนึ่งของราชวงศ์ฮั่น เป็นโอรสในจักรพรรดิฮั่นเฉิงตี้ครับ ตลอดรัชกาลก็ตกอยู่ใต้อำนาจของสกุลหวางอีกเช่นเดิม ก่อนจะประชวรสวรรคตอย่างกะทันหันอย่างมีเลศนัย



มาดูอันเก่าๆกันบ้างครับ

สุสานหลวงอันหลิง ของจักรพรรดิฮั่นฮุ่ยตี้ โอรสองค์โตในจักรพรรดิฮั่นเกาจู่ หน่ะครับ พระองค์เป็นจักรพรรดิลำดับที่สองแห่งราชวงศ์ซีฮั่น ครองราชย์ในช่วง 195-188 ปีก่อนคริสตกาล
ตลอดรัชกาลก็ต้องงัดข้อกับ หลี่ย์ไท่โห้ว พระมารดาตลอดศก พร้อมกับการวางรากฐานการปกครองของสกุลหลิวให้หยั่งรากไปทั่วแผ่นดิน 



สุสานหลวงฉางหลิง ของจักรพรรดิฮั่นเกาจู่ หลิวปัง ครับ

มีขนาดไม่ใหญ่นัก เพราะในยุคนั้นราชสำนักซีฮั่นค่อนข้างจะถังแตก ว่ากันว่าในยุคแรกๆของรัชกาล ขนาดม้าเทียมรถพระที่นั่ง ยังหาสีเดียวกันให้ครบทั้ง 9 ตัวไม่ได้เลย

สุสานนี้อยู่ใกล้เมืองฉางอัน หรือซีอันค่อนข้างมากครับ คือตั้งอยู่ทางเหนือของแม่น้ำเหวยสุ่ย ห่างจากเมืองไปทางเหนือราวๆ 5 กิโลเมตรเท่านั้น ในยุคของจักรพรรดิฮุ่ยตี้ ตามจือจื้อทงเจี้ยนและสือจี้ บรรยายว่า จะมีระเบียงทางเดินยาวทอดจากพระราชวังในนครฉางอานไปยังสุสานหลวง ไว้สำเร็จให้จักรพรรดิเสด็จไปเคารพบรรพชนครับ

ความจริงคงต้องย้อนกันก่อนว่า พิรามิด ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการฝังศพ
เช่นที่อียิปต์ ที่ใช้ในการฝังศพกษัตริย์และราชินี
พิรามิดปกติแล้ว การจะเข้าไปภายในก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หากลองไปดูผังพิรามิดของอียิปต์
จะเห็นว่าทางเดินจะแคบมาก ภายในมืดสนิท อากาศไม่ถ่ายเท มีทางเดินหลอก
ไม่ง่ายต่อการเดินเข้าไปนัก ยิ่งเดินเข้าไปยิ่งแคบไปเรื่อยๆ
ซึ่งทำไว้เพื่อเป็นกลลวงยามที่โจรลักลอบเข้ามาขโมยสมบัติ (เพราะเขาจะฝังสมบัติไว้ด้วย)
บริเวณรอบนอกพิรามิดก็ไม่ได้สร้างอาณาเขตขวางกั้นอย่างยิ่งใหญ่
ข้อแตกต่างลักษณะภายนอกของวัสดุดูจะเป็นที่อียิปต์ใช้หินอิฐขนาดใหญ่มาก่อ
ด้วยสภาพของพื้นที่ด้วย แต่ที่จีน ใช้ดินมาก่อ เมื่อเวลาผ่านไปต้นหญ้าใบไม้จึงขึ้นมาปกคลุม

ที่จริงแล้วพิรามิดที่อียิปต์และจีนอาจใช้งานในรูปแบบเดียวกัน
รูปแบบการก่อสร้างงานในอดีตมักพบคล้ายคลึงกัน ของงานในแต่ละที่เสมอๆ
อันนี้เป็นเพียงการลองมาเปรียบเทียบของเรานะค่ะ ที่ลองคิดขึ้นการใช้งานของพิรามิดดู
และการจากเคยได้ศึกษารูปแบบพิรามิดในอียิปต์มาบ้าง เลยคิดในแง่รูปแบบสถาปัตยกรรมแบบพิรามิดดู
การที่จีนยังปิดสงวนเอาไว้ คงส่งผลต่อการสำรวจภายในด้วย เนื่องจากทำด้วยดิน
หรือไม่มั่นใจจริงๆว่าถ้าสำรวจแล้วจะสร้างความเสียหายกลับพิรามิดและวัตถุภายในหรือไม่ 

เราเพิ่งไปเที่ยวแถบนั้นมาค่ะ ยืนยันว่าคือฮวงซุ้ยจริงๆ เพียงแต่ไม่ใช่ฮวงซุ้ยกษัตริย์ เป็นฮวงซุ้ยของเหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์ค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าเป็นของใครบ้าง และยังทำการเปิดไม่หมด เพราะมี "เยอะ" มากจริงๆ คือระยะห่างไม่ทิ้ง1-2กิโลเมตร

เราได้มีโอกาสไปเที่ยวสุสานของหลี่ซื่อหมิน ซึ่งห่างออกมามีพิพิธภัณธ์ที่รวบรวมวัตถุโบราณที่ขุดได้จากสุสานบริเวณนั้น

และที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ คือสุสานของเสนาบดีของหลี่ซื่อหมิน หน้าตาก็เป็นเนินดินเหมือนภูเขาสูงๆ แบบในภาพ สามารถเดินขึ้นไปได้ และทางจนท บอกว่าพื้นที่ใต้ดินบริเวณพิพิธภัณฑ์เต็มไปด้วยสมบัติโบราณ ซึ่งปัจจุบันถูกปิดเอาไว้ เพราะเกิดเหตุของถูกขโมย และยังไม่มีมาตรการป้องกันที่ดีพอ

ในสมัยราชวงศ์ถังก็มีการสร้างเนินดินขนาดใหญ่ขึ้นมาเหมือนกัน และัจักรพรรดิถังก็สร้า่งเผื่อแผ่ให้เหล่าขุนนางขุนศึกคู่ใจของพระองค์ด้วย สุสานของหลี่ซื่อหมิน หรือ จักรพรรดิเกาจง นั้น จะอยู่ที่เฉียนหลิงหน่ะครับ  ซึ่งอยู่ที่อำเภอเฉียนเสี้ยน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเว่ยเฉิงไปอีกครับ

ด้านหมู่สุสา่นของจักรพรรดิราชวงศ์ฮั่นจะอยู่แถบตำบลเว่ยเฉิง อำเภอเสียนหยาง ซึ่งห่างจากเมืองซีอันไปทางเหนือไม่ไกลนัก (ราวๆในรัศมี 15-20 กิโลเมตร)



เครดิต พันทิป :D

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น